นครปฐม http://nini.siam2web.com/

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐม

องค์พระปฐมเจดีย์
องค์พระปฐมเจดีย์

   องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นปูชนียสถานอันสำคัญของประเทศไทย อยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร มีประวัติความเป็นมายาวนานในแผ่นดินสุวรรณภูมิ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ใหญ่ รูประฆังคว่ำ ปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมาก่ออิฐ ถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ ประกอบด้วยวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า เป็นที่เคารพสักการะบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ทางวัดกำหนดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึง วันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 รวม 9 วัน 9 คืน เป็น ประจำทุกปี

 
     
 
 พระอุโบสถวัดธรรมศาลา
ปัจจุบันวัดธรรมศาลามีเนื้อที่ตามโฉนดประมาณ 61 ไร่เศษ ตั้งอยู่เลขที่4 หมู่ที่7 ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม มีสิ่งสำคัญหลายอย่าง คือ วิหารเก่า, โบสถ์, เนินถ้ำ และลิง
  

 หอระฆังวัดธรรมศาลา
   วัดธรรมศาลามีตำนานเกี่ยวกับพระยากงพระยาพาน คือ พระยาพานได้ครองเมืองศรีวิชัย จึงทรงวิตกว่าการที่พระองค์ทำปิตุฆาตพระราชบิดากับยายหอมจะได้รับสนองกรรมอย่างหนักอันจะเกิดขึ้นแก่พระองค์ทั้งที่มีชีวิตอยู่และกาลสิ้นชีวิตไป และได้สำนึกในบาปบุญคุณโทษของตนที่ทำไว้ จึงได้โปรดให้ประชุมพระอรหันต์และพระสงฆ์จากอารามต่างๆ ได้ปลูกสร้างโรงธรรมขนาดใหญ่ไว้ใกล้เนินหรือถ้ำเพื่อใช้เป็นที่ประชุมสงฆ์ และอุทิศโรงธรรมเป็นที่สำหรับพระสงฆ์ไว้แสดงธรรม เพื่อให้กรรมที่ได้รับเบาบางลง จึงได้เรียกชื่อ "ธรรมศาลา" มาทุกวันนี้
 

 


    ก่อนอื่นก็คงจะต้องเท้าความก่อนนะว่าอะไรคือ "พระราชวังสนามจันทร์"
พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ห่างจากกรุงเทพฯ ลงไปทางใต้ 56 กิโลเมตร บริเวณที่เป็นพระราชวังสนามจันทร์ อยู่ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ ไปทางตะวันตก ประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณซึ่งเดิมเรียกว่า " เนินปราสาท " สันนิษฐานว่า เดิมคงเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์ในสมัยโบราณ ใกล้กับเนินปราสาทมีสระน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกขานกันมาแต่เดิมว่า " สระน้ำจันทร์ " ( ปัจจุบันชาวบ้าน เรียกว่า สระบัว ) อยู่หน้าโบสถ์พราหมณ์ ครั้นต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ครั้งยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชฯ มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังที่ประทับขึ้น ณ เมืองนครปฐม สำหรับเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในโอกาสเสด็จฯ มาสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ และเพื่อประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ ทรงเลือกจังหวัดนครปฐม ด้วยเหตุที่ทรงคุ้นเคยกับภูมิประเทศของเมืองนี้ ทรงเห็นว่าบริเวณเนินปราสาทนั้นเป็นทำเลที่เหมาะ จึงทรงขอซื้อที่ดินจากราษฎรที่อยู่รอบๆ เนินปราสาท เพื่อจัดสร้างพระราชวังขึ้น รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 888 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หลวงพิทักษ์มานพ ซึ่งต่อมาได้เลื่อนยศเป็น พระยาวิศุกรรมศิลป์ประสิทธิ์ ( น้อย ศิลป์ ) เป็นผู้ออกแบบและดำเนินการก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2450 ซึ่งตรงกับปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 การก่อสร้างพระที่นั่ง และพระตำหนักต่างๆ ได้ดำเนินการติดต่อกันนานถึง 4 ปี จึงแล้วเสร็จในปีพุทธศักราช 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานนามว่า "พระราชวังสนามจันทร์"


พระราชวังสนามจันทร์ นอกจากเป็นที่แปรพระราชฐานแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมีพระราชดำริในการสร้างพระราชวังสนามจันทร์ไว้เป็นที่มั่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับวิกฤตการณ์ของประเทศอันเกิดขึ้นได้ เพราะพระราชวังสนามจันทร์ตั้งอยู่ในชัยภูมิทีเหมาะสม และทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับซ้อมรบเสือป่า

  เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2546 คณะกรรมการอำนวยการบูรณะพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธาน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย นายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ลิขิต กาญจนาภรณ์ รองอธิการบดีวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายคืนพระราชวังสนามจันทร์ โดยส่งมอบพระที่นั่ง พระตำหนักต่างๆ และเรือนข้าราชบริพาร คืนให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ดูแลตามพระราชดำริในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในปัจจุบันสำนักพระราชวังได้เปิดให้เข้าชม พระที่นั่งพิมานปฐมและห้องพระเจ้าภายในพระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ เทวาลัยคเณศร์ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ พระตำหนักทับขวัญและอนุสาวรีย์ย่าเหล

 
    พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

   พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ตั้งอยู่ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ด้านทิศใต้เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น โบราณวัตถุที่รวบรวมได้ในระยะแรกได้ถูกนำมาเก็บรักษาไว้ที่ระเบียงคตรอบองค์พระปฐมเจดีย์ กระทั่ง พ.ศ. 2454 จึงได้ย้ายไปไว้ในวิหารตรงข้ามพระอุโบสถ ซึ่งต่อมาเรียกว่า พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน ( ปัจจุบันยังคงเป็นพิพิธภัณฑสถานในความดูแลของวัดพระปฐมเจดีย์) พ.ศ. 2477 ได้ยกฐานะเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในความดูแลของกรมศิลปากร และเมื่อจำนวนโบราณวัตถุเพิ่มมากขึ้น อาคารหลังเดิมคับแคบ ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 กรมศิลปากรได้รับงบประมาณให้สร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานหลังปัจจุบันขึ้น และเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุจากหลังเดิมมาจัดแสดงไว้ที่นี่ โดยโบราณวัตถุส่วนใหญ่เป็นหลักฐานในวัฒนธรรมทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16) การจัดแสดงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 แนะนำลักษณะทั่วไปของจังหวัดนครปฐม ประวัติความเป็นมาของดินแดนแห่งนี้ การตั้งถิ่นฐานของชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ การติดต่อรับพุทธศาสนาและวัฒนธรรมจากอินเดียเข้ามาผสมผสานกับความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่น ภาพปูนปั้นรูปชาวต่างประเทศ ศิลาจารึกที่พบบริเวณเมืองโบราณนครปฐม
ส่วนที่ 2 เสนอเรื่องราวด้านศาสนาและความเชื่อของชุมชนทวารวดีที่นครปฐมสะท้อนผ่านงานศิลปกรรมประเภทต่างๆ โบราณวัตถุที่จัดแสดงในส่วนนี้ประกอบด้วย ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมและประติมากรรมประเภทต่าง ๆ เช่น พระพุทธรูป ภาพสลักเล่าเรื่องพุทธประวัติ ภาพปูนปั้นเรื่องชาดกประดับฐานเจดีย์และธรรมจักร
ส่วนที่ 3 เรื่องราวของนครปฐมหลังความรุ่งเรืองสมัยทวารวดี จนถึงสมัยที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าให้ปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์ และเป็นงานสำคัญที่สืบเนื่องต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นช่วงที่นครปฐมได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นมณฑลนครชัยศรี และในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างพระราชวังสนามจันทร์ขึ้น เมืองนครปฐมได้รับการพัฒนาเรื่อยมา
วันทำการ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 16.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท
การบริการ บริการนำชมสำหรับหมู่คณะ ร้านจำหน่ายหนังสือและของที่ระลึก

  การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ขับมุ่งตรงสู่ จ.นครปฐม โดยท่านจะผ่านแยกนครชัยศรี (ท่านา) และผ่านแยกบ้านแพ้ว และจะรอดใต้สะพานเข้าตัวเมืองนครปฐม (ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ) จากนั้นขับตรงไปจะพบกับไฟแดงแรก จะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปองพระปฐมเจดีย์ท่านสามารถไปทางนี้ก็ได้นะครับ (หลักกม.ที่56.3) จะพบกับสี่แยกไฟแดงหนึ่ง ซึ่งทะลุกับองค์พระปฐมเจดีย์ หรือถ้าท่านจะขับขึ้นสะพานลอยเข้าเมืองมาก็ไดเช่นกัน หลังจากลงสะพานลอยแล้วขับตรงมาเรื่อย ๆ ประมาณ 1 กม. จะพบประตูทางเข้าองค์พระปฐมเจดีย์เช่นกัน

 
  

พระประโทนเจดีย์

 

 

 วัดพระประโทณเจดีย์
ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมฝั่งเหนือมีเนื้อที่ 74 ไร่ 6 งาน 88 ตารางวา พระประโทณเจดีย์เป็นโบราณสถานที่ใหญ่โตปรากฎซากเนินใหญ่อยู่กลางวัดและมีสร้างปรางค์ซ้อนขึ้นบนยอดเนินรอบๆขณะนี้บริเวณวัดพระประโทณเจดีย์แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเนื่องจากมีถนนเพชรเกษมตัดผ่านฝั่งหนึ่งเป็นย่านการค้าอีกฝั่งหนึ่งเป็นวัด, โรงเรียน, วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม
 

อ.สามพราน

ตลาดน้ำดอนหวาย


  ตลาดน้ำดอนหวาย (Don Wai Market) เป็นตลาดริมน้ำชื่อดังใกล้กรุง ขับรถเพียง ๒๐ กม.จากกรุงเทพเท่านั้น ท่านจะได้พบกับวิถีชีวิตที่แตกต่าง ความสงบร่มเย็น เน้น ความเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ตลาดน้ำดอนหวาย ตลาดโบราณริมแม่น้ำท่าจีนที่มีอายุนานกว่า ๑๐๐ ปี เพลิดเพลินกับการ ลองลิ้มชิมรส อาหารอร่อยมากมายกับตลาดที่มีความยาวกว่า ๓๐๐ เมตร  มื่อราว 7- 8 ปีก่อน หรือราว พ.ศ 2542 - 43 หากใครได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็คงจะเห็นการเริ่มต้นความนิยมของตลาดน้ำดอนหวายได้อย่างชัดเจน ว่ามาจากสื่อโทรทัศน์ที่มีโอกาสไปทำรายการและแนะนำรายการอาหารเมนูอร่อยของตลาดดอนหวาย 
หลังจากที่ออกอากาศไปไม่นาน ก็ยังมีรายการอื่นๆตามมาทำรายการกันไม่ขาดสาย จนตลาดน้ำดอนหวายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ โดยที่ทางจังหวัดไม่ต้องออกแรงประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด
จากจุดเริ่มต้นที่มีสื่อไปทำรายการสารคดีเชิงนิเวศน์ในช่วงนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศกำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจาก
ประสบกับมรสุม ที่เรียกว่า IMF ทำให้สังคมไทยหันมานิยมดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย และใช้จ่ายอย่างประหยัด

ตลาดวิถีไทย ตลาดน้ำดอนหวาย 
   ตลาดน้ำดอนหวาย ซึ่งเป็นตลาดอาหารไทย และขนมไทยแบบดั่งเดิมได้เข้ามาในช่วงจังหวะนั้นพอดี จึงได้กับการตอบรับจากผู้คนอย่างรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าดังเป็นพลุแตก คนที่มาเที่ยวต่างติดใจในรสชาติอาหารไทยที่มีอยู่หลากหลาย และขนมไทยนานาชนิด พร้อมกับได้อุดหนุนสินค้าเกษตรกรรมของท้องถิ่นในราคาแบบชาวบ้าน ทำให้เกิดกระแสปากต่อปาก 
หากเปรียบเป็นว่าวก็ถือว่าปัจจุบัน ตลาดน้ำดอนหวายติดลมบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถพึ่งตัวเองได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องให้ใครมาช่วยประชาสัมพันธ์ นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศต่างให้ความสนใจกันมากมาย นอกจากได้ลิ้มลองอาหารนานาชนิดและซื้อของฝากที่มีอยู่มากมายแล้ว ก็ยังมีโปรแกรมล่องเรือชมวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำที่ไม่ควรพลาด เพราะจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยริมแม่น้ำท่าจีน ปลูกผักบุ้ง และผักที่ขึ้นบนน้ำชนิดต่างๆ เรียกได้
ว่าเกือบตลอดระยะทางที่เรือผ่านเป็นการใช้พื้นที่หน้าบ้านให้เป็นประโยชน์ นั่งเรือผ่านไปก็จะเห็นชาวบ้านพายเรือเก็บผักบุ้งเป็นระยะๆ เป็นการปลูกโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงใดๆทั้งสิ้น
ร้อนนี้หากใครกำลังคิดออกไปเที่ยวนอกเมืองที่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก และอยากเห็นภาพธรรมชาติที่เย็นตาเย็นใจ
พร้อมกับทานอาหารไทยๆแบบดั่งเดิมที่หาทานยากในที่อื่นๆแล้ว ก็อยากแนะนำให้มาที่ตลาดน้ำดอนหวาย แหล่งรวมของกิน ของฝาก ที่อาจต้องขนใส่รถกันเลยทีเดียว

อาหารแนะนำ ตลาดน้ำดอนหวาย
   อาหารที่อยากแนะนำที่ตลาดน้ำดอนหวายก็ได้แก่ เป็นพะโล้นายหนับ (เขียนมาถึงตรงนี้แล้วก็น้ำลายไหล) ต้มเค็มปลาทูหรือต้มเค็มปลาตะเพียนที่มีอยู่หลายร้าน ทั้งหัวทั้งก้าง เปื่อยยุ่ยจนทานได้ทั้งตัว นอกจากนี้ก็มีขนมจีนน้ำยากะทิ น้ำยาป่า ห่อหมกปลาช่อนที่อร่อยถึงเครื่องถึงกะทิ และทอดมันปลากรายของแท้ไม่ได้ปนหรือผสมเนื้อปลาชนิดอื่นๆ
ส่วนขนมก็มีขนมไทยๆนานาชนิดที่รับประกันความอร่อยเกือบทุกร้าน ชนิดทานกันไม่หวัดไม่ไหว ยังไงก็อย่าชิมจนอิ่มท้องเสียก่อน เพราะจะทำให้ทานข้าวได้น้อยลง

ของฝาก ตลาดน้ำดอนหวาย
   พวกของฝาก ของซื้อกลับบ้านก็มากมาย เช่นปลาแดดเดียว ปลาแห้ง ปลาย่างชนิดต่างๆ หรือคนที่ชอบเข้าครัวก็จะมีพวกน้ำพริกแกงที่ตำกับมือ พึ่งทำกันใหม่ๆสดๆ เช่นน้ำพริกแกงเผ็ด แกงส้ม ฯลฯ ส่วนของฝากที่เป็นผลไม้ของท้องถิ่น ประเภทมะเฟือง มะไฟ มะพร้าว ส้มโอ ที่นี่มีครบ มะพร้าวน้ำหอมก็ขึ้นชื่อและหอมจริงๆ ส้มโอนครชัยศรีก็อร่อยคุ้นลิ้นมานานแถมราคาถูกอีกต่างหากพูดง่ายๆว่าหากมาเที่ยวที่นี่แล้วก็ควรเคลียร์ท้ายรถให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง รับประกันว่าตอนขากลับท้ายรถไม่ว่างแน่
ล่าสุดที่ไปเที่ยวเมื่อเดือนมกราคม 2550 ปรากฏว่ามีร้านค้ารายอาหารเปิดใหม่กันมากมาย จากที่ขายตามทางเดินเมื่อปี
2544 ปัจจุบันได้ขยายไปอีกเป็นระยะทางที่ไกลมาก จนจุดที่จะเข้าตลาดดอนหวายสามารถเข้ามาได้หลายจุด อาจทำให้คนที่เคยมาเที่ยวสับสนได้ยังไงก็แนะนำว่า พยายามยึดเอาทางเข้าวัดดอนหวายเป็นหลักก็แล้วกัน หากลานจอดรถในวัดเต็มก็ยังมีลานจอดรถของเอกชนรายอื่นๆอีกมากมาย จึงไม่ต้องกังวลเหมือนเมื่อก่อนที่ต้องจอดแอบตามริมทาง และตากแดดกันครึ่งวันค่อนวัน
สิ่งที่อยากฝากไว้ในตอนท้ายก็คือว่า ตลาดน้ำดอนหวายมีผู้คนมาเที่ยวนับหมื่นๆคนในแต่ละวัน และยิ่งเป็นวันหยุดก็ยิ่งเพิ่ม
ปริมาณมากขึ้นไปอีก จึงควรวางแผนการเดินทางกันให้ดี แต่ถ้าเป็นไปได้แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงเดินทางในวันหยุด
ตลาดน้ำดอนหวายอยู่ห่างจากวัดไร่ขิงประมาณ 3-4 กม.(คะเนด้วยสายตาขณะขับรถ) และเป็นวัดที่โด่งดังของจังหวัดนครปฐมที่คนเมืองหลวงรู้จักกันดี หากมีเวลาพออาจแวะทำบุญทำทานเพื่อเป็นศิริมงคลก่อนกลับบ้าน


 
 
ตลาดน้ำดอนหวาย

  ท่องเที่ยว
  หลวงพ่อวัดไร่ขิง

วัดไร่ขิง  ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี  หมู่ที่ 2  ตำบลไร่ขิง  อำเภอสามพราน  จังหวัดนครปฐม

เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี ในท้องที่หมู่ที่ 2ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 16 ไร่ 1งาน 31 ตารางวา ตั้งเป็นวัดเมื่อ พ.ศ.2394 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2394
ได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงนับตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2533
             อาณาเขต   ทิศเหนือ            จดแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำนครชัยศรี
                               ทิศใต้                 จดแนวทางรถยนต์ผ่านสนามกอล์ฟสวนสามพราน
                               ทิศตะวันออก      จดตลาดวัดไร่ขิง
                               ทิศตะวันตก        จดเขตตำบลท่าตลาด
พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบรูปสี่เหลี่ยม ด้านหน้าวัดมีเขื่อนกั้นตลอดแนวพื้นที่ของวัด ส่วนด้านหลังมีกำแพงล้อมตลอดพื้นที่ของวัด

สักการสถาน บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด

ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าข้าม อำเภอสามพราน สักการสถานแห่งนี้เป็นที่เก็บอัฐิและหุ่นขี้ผึ้งของคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด รวมทั้งประวัติข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนได้สักการะและรำลึกถึงท่าน อาคารเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีโครงสร้างและรูปทรงซึ่งแฝงไว้ด้วยความหมายเช่น ไม้กางเขน คือกาเขนชัย ที่พระเยซูได้ประกาศให้โลกได้รับรู้ไว้ว่าเป็นกางเขนที่พิชิตความตายและบาป ถือเป็นแสงสว่างที่นำชีวิตมาสู่โลก แท่นที่ทูนกางเขนมีสามชั้นคือพระตรีเอกภาพ ได้แก่ พระบิดา พระบุตร และพระจิต หลังคาแบ่งเป็นสามระดับคือสิ่งที่พระตรีเอกภาพได้ประทานไว้ให้กับโลกคือ ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก ตัวอาคารแปดเหลี่ยมเป็นสัญลักษ์แห่งมหาบุญลาภ 8 ประการที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงประกาศให้กับโลก



คุณพ่อนิโคลัส บุญเกิด กฤษบำรุง เกิดเมื่อพ.ศ. 2438 ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์เมื่อ พ.ศ. 2469 และได้ทำงานอภิบาลที่วัดหลายแห่งทั่วประเทศ มีใจเมตตาต่อคนยากจนและกระตือรือร้นในงานธรรมฑูต ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดของการเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศส ทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อศาสนาคริสต์ ทำให้ท่านถูกจับกุมในปี พ.ศ. 2484 เมื่ออายุ 49 ปี โดยถูกกล่าวหาว่าช่วยฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีน แม้ในช่วงอยู่ในเรือนจำท่านยังได้เผยแพร่คำสอนและโปรดศีลล้างบาปให้นักโทษที่ใกล้ตายถึง 68 คน ถือเป็นการทำหน้าที่ประกาศข่าวดีแก่ผู้ที่อยู่ในเรือนจำให้ได้รับชีวิตใหม่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ความเชื่อมั่นศรัทธาและความดีของคุณพ่อนิโคลาสเลื่องลือไปยังพระศาสนจักรแห่งโรม โดยในวันที่ 5 มีนาคม 2543 สมเด็จพระสันตปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ประกอบพิธีสถาปนาท่านเป็นบุญราศีมรณสักขี ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ประเทศอิตาลี และได้มีการสร้างสักการสถานบุญราศีนิโคลาส บุญเกิด ในจังหวัดนครปฐม เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ท่านในเวลาต่อมา

การเข้าชมควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า โทร. 0 3429 2143

ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้

ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 30 อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

ในเนื้อที่กว่า 130 ไร่ จัดเป็นสถานที่พักผ่อนที่เปิดให้ชมการแสดงระดับนานาชาติ ตั้งแต่ 08.30 - 17.30 น. ทุกวัน
ชม..การแสดงช้างประกอบเสียง แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ชม..ประเพณีการคล้องช้างอันศักดิ์สิทธิ์

ความผูกพันของช้างกับชาวส่วย ผู้สืบทอดการเลี้ยงช้างมาหลายชั่วอายุคน ประทับใจ..กับความน่ารักของเจ้าช้างน้อย






นักเต้นเท้าไฟ นักวิ่งลมกรด และดาวซัลโว ย้อนรำลึกถึง.. สงครามยุทธหัตถีที่ยิ่งใหญ่ และการแสดงอื่น ๆ อีกกว่า 10 รายการ

ด้วยระบบ Sound Track และ Effect ประกอบการแสดงที่สมบูรณ์แบบ





ตื่นเต้นระทึกใจกับ..การแสดงจับจระเข้โชว์ด้วยมือเปล่าจากหมอจระเข้ผู้สืบสานตำนานไกรทอง

จับตา..การสาธิตวิธี ฝากเงินในปากเจ้าเขี้ยวคม และการหยอดหัวใส่ปากจระเข้ ทุกฉากไม่ควรกระพริบตา

ชม..จระเข้สัตว์ยุคไดโนเสาร์นับ หมื่นตัว ในฟาร์มที่ได้รับการยกย่องว่าสะอาดที่สุด

และจัดระบบนิเวศน์ได้ลงตัวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (Accredit by CITES 1991)


และก้าวสู่โลกแห่งความพิศวงในโลกมายา จากนักมายากลเอกของเอเซียใน..การแสดงมายากลโชว์..

สวนสามพราน

สวนสามพรานเป็นสถานที่พักผ่อนที่มุ่งมั่นสืบสานศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทย และดูแลรักษาธรรมชาติที่ร่มรื่นริมสายน้ำ
พร้อมทั้งสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการพักผ่อน ที่หลากหลายให้ผู้มาพักผ่อนได้เรียนรู้ตัวเอง จากธรรมชาติและวิถีชีวิตที่งดงามของไทย




อาทิเช่น การเรียนรู้วิธีทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรธรรมชาติ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การดูแลและฟื้นฟูสุขภาพในสปา ฯลฯ



นอกจากนี้สวนสามพรานยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเติบโตไปพร้อมกันผ่านกิจกรรมการให้ความรู้สู่ชุมชน
และเปิด “ตลาดเกษตรกรปลอดสารพิษ” ให้เกษตรกรและชุมชนนำสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ และผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ


ทั้งหมดนี้เพื่อให้สวนสามพรานเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ให้ผู้มาพักผ่อนได้หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่
เรียนรู้วิถีชีวิตที่งดงามเรียบง่ายริมสายน้ำ เติมความสดชื่นให้ร่างกายและจิตใจ และเผยแพร่วิถีไทยอันงดงามสู่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก



สวนสามพราน ( The Rose Garden) ตั้งอยู่ที่ กิโลเมตรที่ 32 ถนนเพชรเกษม นครปฐม 73110 โทร 0-3432-2544 แฟกซ์ 0-3432-2775

พุทธมณฑล

เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่ตำบลศาลายา มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ พุทธมณฑลเป็นสถานที่ซึ่งรัฐบาลและประชาชนชาวไทยร่วมใจกันจัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2500 เนื่องในโอกาสที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาได้ถึง 2,500 ปี บริเวณจุดศูนย์กลางของพุทธมณฑลเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา เป็นพระประธานของพุทธมณฑลมีความสูง 2,500 กระเบียด (ประมาณ 15.875 เมตร) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามว่า “พระศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์” รอบองค์พระประธานเป็นสถานที่จำลองของสังเวชนียสถาน 4 ตำบล คือ ตำบลอันเป็นที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน  นอกจากนี้ยังมีศาสนสถานที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ พระวิหารพุทธมณฑล ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และที่พำนักสงฆ์อาคันตุกะ หอประชุมทางกิจการพระพุทธศาสนา ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน  พิพิธภัณฑ์ทางพุทธศาสนา หอสมุดพระพุทธศาสนา สวนไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ และในปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีในวันสำคัญทางศาสนา อาทิ วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา เป็นต้น เปิดเวลา 05.00-19.00 น. ผู้ที่จะเข้าชมเป็นหมู่คณะโปรดแจ้งความจำนงได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์พุทธมณฑล โทร. 0 2441 9012, 0 2441 9009, 0 2441 9801-2, 0 2441 9440 กองพุทธสารนิเทศ โทร. 0 2441 4515
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ สามารถเข้าถึงได้หลายเส้นทาง คือเดินทางไปตามถนนเพชรเกษมถึงประมาณกิโลเมตรที่ 22 เลี้ยวขวาเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ไปประมาณ 8 กิโลเมตร หรือเดินทางไปตามถนนสายปิ่นเกล้า-นครชัยศรี แล้วแยกเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ไปเล็กน้อย นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางโดยใช้ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แยกเข้าสู่ถนนอุทยาน(อักษะ) เพื่อมุ่งเข้าสู่พุทธมณฑลได้ ถนนอุทยาน(อักษะ)เป็นถนนที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยแนวเสาไฟประดับรูปกินรี น้ำพุและไม้ประดับต่างๆ มีทัศนียภาพที่สวยงาม

 

สวนสมุนไพรสิรีรุกขชาติ

ตั้งอยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์พืชสมุนไพรไทย สำหรับศึกษา วิจัย พัฒนา และการเรียนรู้ของสังคม มีพื้นที่ประมาณ 38 ไร่ รวบรวมพันธุ์สมุนไพรกว่า 1,200 ชนิด จัดปลูกไว้ในลักษณะต่าง ๆ กัน พร้อมแสดงป้ายชื่อและสรรพคุณที่ชัดเจน จึงเหมาะที่จะเป็นห้องเรียนธรรมชาติสำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งผู้สนใจ คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาให้เป็นโครงการดีเด่นแห่งชาติ สาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ด้านสมุนไพร) ประจำปี 2539


พื้นที่สวนแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นเรือนเพาะชำ ปลูกสมุนไพรที่ต้องการการดูแลพิเศษ ส่วนที่สองเป็นสวนหย่อมสมุนไพร และส่วนสุดท้ายปลูกในลักษณะสวนป่า เพื่อแสดงระบบนิเวศที่สมุนไพรเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ มีสมุนไพรที่ใที่หาชมได้ยากหลายชนิด เช่น โมกราชินี  สิรินธรวัลลี สามสิบกีบน้อย และจิกดง ซึ่งเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก มะลิซาไก สมุนไพรหายากที่ใช้เป็นยาคุมกำเนิดของชนเผ่าซาไก กำแพงเจ็ดชั้น กวาวเครือขาว และกวาวเครือแดง รวมทั้งสมุนไพรที่เป็นพืชผักพื้นบ้านอีกหลายชนิด
ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 - 17.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะและผู้นำชมเพื่อให้ได้ความรู้อย่างครบถ้วน สามารถติดต่อล่วงหน้าที่ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่กรุงเทพฯ โทร. 0 2644 8678 - 90 ต่อ 5550 โทรสาร 0 2644 8696
 
Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 22,791 Today: 64 PageView/Month: 1,199

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...